Drone Association Thailand

วิเคราะห์สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา: เมื่อเสียง “ผู้เชี่ยวชาญโดรน” เตือนก่อนคลื่นวิกฤติ

สถานการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะในจังหวัดบุรีรัมย์และสุรินทร์ ได้ทวีความตึงเครียดขึ้นอีกขั้น เมื่อมีรายงานว่าพบการบินของโดรนจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง เหตุการณ์นี้ทำให้ “ผู้เชี่ยวชาญโดรน” ต้องออกโรงให้ความเห็นและแนะนำแนวทางป้องกันที่เร่งด่วน

โดรนสอดแนม: ความกังวลใหม่ของประชาชนชายแดน

ในพื้นที่สถานการณ์จริง ชาวบ้านต่างรู้สึกหวาดหวั่นกับเสียงและเงาดำที่ปรากฏเหนือหัวตอนกลางคืน รายการข่าวระบุว่า “โดรน” ที่บินเข้ามาอาจไม่ได้มาเพียงชมวิวหรือถ่ายภาพธรรมชาติ แต่จุดประสงค์แท้จริงคือ “การสอดแนม” การเก็บพิกัดจุดยุทธศาสตร์ ไปจนถึงการเตรียมการโจมตีเป้าหมายสำคัญ

“ผู้เชี่ยวชาญโดรน” วิเคราะห์ว่า โดรนที่พบมีความสามารถสูงในการบันทึกข้อมูล แม่นยำ แต่ที่น่ากังวลกว่านั้นคือการนำพิกัดเหล่านี้ไปล็อกเป้าหมาย เพื่อเตรียมโจมตีอย่างเป็นระบบ

วิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญโดรน: เบื้องหลังเทคโนโลยีและความเสี่ยง

หนึ่งในประเด็นสำคัญที่รายการข่าวนำเสนอผ่านการอ้างอิง “ผู้เชี่ยวชาญโดรน” คือเรื่องของประสิทธิภาพและขีดความสามารถของโดรนสมัยใหม่ เช่น รุ่น DJI Magic Air ที่สามารถบินได้ไกลและควบคุมจากระยะทางไกลข้ามประเทศได้ ทำให้การสืบหาแหล่งบังคับและระงับเหตุเป็นภารกิจที่ท้าทายยิ่งขึ้นสำหรับฝ่ายไทย

ผู้เชี่ยวชาญโดรนยังเตือนถึง “ฟีเจอร์ล็อกเป้าหมาย” ของโดรน ซึ่งช่วยให้สามารถบันทึกพิกัดจุดยุทธศาสตร์หรือทรัพย์สินสำคัญบนพื้นดินได้อย่างแม่นยำ หากข้อมูลหลุดไปถึงมือฝ่ายตรงข้าม อาจนำไปสู่การโจมตีที่มีประสิทธิภาพและสร้างความเสียหายรุนแรง

ฟีเจอร์ล็อกเป้าหมายของโดรน คืออะไร?
“ฟีเจอร์ล็อกเป้าหมาย” (Target Lock หรือ Tracking) คือความสามารถของโดรนสมัยใหม่ในการกำหนดและติดตามตำแหน่งสิ่งของหรือจุดยุทธศาสตร์ใดๆ ที่ต้องการบนพื้นดิน ฟีเจอร์นี้จะใช้กล้องและระบบ GPS ทำงานร่วมกัน ผู้ควบคุมโดรนสามารถสั่งให้โดรนบันทึกตำแหน่งเป้าหมาย (Waypoint) ได้อย่างแม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นอาคาร ทรัพย์สินสำคัญ เส้นทางขนส่ง หรือแม้แต่ยานเกราะทางทหาร

การทำงาน
เมื่อโดรนบินอยู่เหนือพื้นที่เป้าหมาย

  • กล้องถ่ายภาพนิ่งหรือวิดีโอความละเอียดสูงจะจับภาพเป้าหมาย

  • ระบบจะบันทึกพิกัด GPS ที่แน่นอนของจุดเหล่านั้นไว้ในหน่วยความจำของโดรน

  • ในบางรุ่น ผู้ควบคุมสามารถตั้งให้โดรน “ล๊อกเป้าหมาย” และบินติดตาม/วนดูจุดนั้นได้อัตโนมัติ

  • พิกัดและภาพที่ได้จะถูกส่งกลับไปยังผู้ควบคุม หรืออาจบันทึกไว้ในหน่วยความจำโดรน เพื่อดึงข้อมูลภายหลัง

ความเสี่ยงและผลกระทบ
ผู้เชี่ยวชาญโดรนเตือนว่า หากข้อมูลพิกัดเป้าหมายเหล่านี้ตกไปอยู่ในมือฝ่ายตรงข้าม หรือถูกนำไปวางแผนโจมตีแบบเจาะจง ความเสียหายจะรุนแรงมาก

  • ฝ่ายตรงข้ามสามารถนำข้อมูลนี้ไปใช้ในการโจมตีด้วยอาวุธ เช่น ระเบิด ปืนใหญ่ หรือขีปนาวุธ ยิงถล่มตำแหน่งที่แม่นยำตามค่าพิกัด

  • ยังใช้แพร่หลายในสงครามสมัยใหม่ เช่น การตั้งเป้าสำหรับโดรนกามิกาเซ่ หรือ UAV ติดระเบิดที่เข้าสู่เป้าหมายตามพิกัดที่โดรนสอดแนมบันทึกไว้

ตัวอย่างผลลัพธ์ในสงครามจริง

  • ใช้เพื่อนำหน่วยโจมตีไปยังฐานทัพหรือแคมป์ฝ่ายตรงข้ามที่ถูกบันทึกพิกัดไว้

  • เลือกเจาะจงเป้าหมายสำคัญ เช่น คลังแสง รพ.ภาคสนาม เสาสัญญาณ หรือจุดเสบียง

  • ทำให้การป้องกันหรือหลบหลีกยากขึ้น เพราะฝ่ายผู้โจมตีรู้ตำแหน่งล่วงหน้าด้วยความแม่นยำสูง

มาตรการและข้อเสนอแนะจากผู้เชี่ยวชาญโดรน

ท่ามกลางความตึงเครียดดังกล่าว กองทัพไทยกำลังเร่งเตรียมมาตรการสกัดกั้นโดรนและเพิ่มระบบเฝ้าระวังในพื้นที่ โดยเฉพาะบนเส้นชายแดนที่เสี่ยงต่อการบุกรุก ผู้เชี่ยวชาญโดรนแนะนำว่า ไทยควรเร่งติดตั้งระบบ Anti-Drone ในพื้นที่เสี่ยง ฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ให้รู้เท่าทันการทำงานและจุดอ่อนของอากาศยานไร้คนขับ รวมถึงสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างหน่วยงานความมั่นคงและชุมชนชายแดนในการแจ้งเตือนเหตุการณ์ผิดปกติ

นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการขออนุญาตและควบคุมการใช้โดรนสำหรับประชาชน เพื่อป้องกันไม่ให้โดรนถูกดัดแปลงเป็นเครื่องมือก่อเหตุแทรกซ้อน

ดราม่าโดรน: เทคโนโลยีสอดแนมที่พลิกเกมสงคราม

หนึ่งในประเด็นสำคัญที่ “ผู้เชี่ยวชาญโดรน” เน้นย้ำคือ การใช้โดรนสอดแนมในพื้นที่ไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางคืน ทำให้การตรวจตราและตอบโต้กลายเป็นภารกิจท้าทาย ทหารไทยต้องประกาศเตือนประชาชนและใช้เทคโนโลยีร่วมด้วย เช่น ระบบตรวจจับและแจมเมอร์ เพื่อยับยั้งการละเมิดอธิปไตยผ่านโดรน “ผู้เชี่ยวชาญโดรน” ระบุว่า การบินโดรนข้ามพรมแดนไม่ต่างจากการลอบเก็บข้อมูลยุทธศาสตร์ ก่อให้เกิดช่องโหว่ด้านความมั่นคงอย่างมาก

เสียงสะท้อนผู้เชี่ยวชาญ: บทบาทสำคัญต่อการป้องกันประเทศ

ภายใต้ความตึงเครียดนี้ คำแนะนำจาก “ผู้เชี่ยวชาญโดรน” คือ

  • ไทยควรเร่งพัฒนาเทคโนโลยีป้องกันและตรวจจับโดรนในประเทศ

  • สนับสนุนการวิจัย ระบบแอนตี้โดรน และอบรมเจ้าหน้าที่ให้มีความรู้ด้านนี้โดยตรง

  • เพิ่มการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับภาคประชาชน และสร้างเครือข่ายความร่วมมือให้เข้มแข็งขึ้น

  • เร่งนำเสนอหลักฐานการละเมิดทางทหารและการใช้โดรนต่อนานาชาติ เพื่อสร้างความเข้าใจในระดับสากลและรับแรงสนับสนุนในการเจรจา

ความร่วมมือของประชาชน: กำแพงป้องกันภัยยุคใหม่

เสียงจากผู้เชี่ยวชาญโดรนส่งตรงถึงประชาชนว่าการร่วมเฝ้าระวังและแจ้งเจ้าหน้าที่ทันทีเมื่อพบสิ่งผิดปกติ คือหนึ่งในแนวทางป้องกันเบื้องต้นที่ได้ผล การสร้างสำนึกสาธารณะเกี่ยวกับอันตรายของโดรนที่ไม่ได้รับอนุญาต และสนับสนุนให้หน่วยงานรัฐปรับตัวรับมือกับความท้าทายเทคโนโลยีใหม่นี้อย่างเข้มแข็ง

สรุป

ภัยจากโดรนสอดแนมและโดรนล็อกเป้าหมายเป็นปัญหาความมั่นคงที่ไม่อาจมองข้าม เสียงเตือนจาก “ผู้เชี่ยวชาญโดรน” ในข่าวนี้คือสัญญาณที่ทุกฝ่ายควรตระหนักและเร่งรับมือ เพื่อความปลอดภัยและอธิปไตยบนชายแดนของไทย

ติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวความขัดเเย้งไทย-กัมพูชาได้ที่ : https://drone.or.th/drone-border-tension/
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ : LINE @droneth

thThai
Scroll to Top