
ยุคใหม่ของการรับมือกับโดรน: ทำไม “ตรวจจับโดรน” และ “เครื่องรบกวนโดรน” ถึงสำคัญ?
ในยุคดิจิทัลที่โดรนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ทั้งในด้านการถ่ายภาพ ส่งพัสดุ รวมถึงการใช้งานในภาคทหารและการข่าวกรอง ปัญหาที่ตามมาคือภัยความมั่นคงและอาชญากรรมรูปแบบใหม่ โจรกรรมข้อมูล ลักลอบถ่ายภาพ หรือแม้แต่การใช้ในการก่อวินาศกรรม เป็นความเสี่ยงที่ทุกภาคส่วนต้องรับมือ
ระบบตรวจจับโดรน (Drone Detector) คืออะไร?
ระบบตรวจจับโดรน หรือ Drone Detection System คือเทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อ “ตรวจจับโดรน” ที่บินเข้ามาในเขตหวงห้ามหรือพื้นที่สำคัญ โดยอาศัยอุปกรณ์หลากหลายรูปแบบ เช่น
เรดาร์เฉพาะทาง (Drone Radar): ตรวจจับโดรนในรัศมีไกล
กล้องอัจฉริยะ (AI Camera): วิเคราะห์ภาพและตรวจจับวัตถุเคลื่อนที่ด้วยซอฟต์แวร์ขั้นสูง
รับสัญญาณความถี่วิทยุ (RF Spectrum Analyzer): ตรวจจับสัญญาณ Wi-Fi, RF, หรือสื่อต่าง ๆ ที่ตัวโดรนใช้สื่อสารกับรีโมท
ระบบเหล่านี้สามารถแจ้งเตือนผู้ดูแลความปลอดภัยได้ทันทีเมื่อพบการบุกรุก

เทคโนโลยีใหม่ที่เกี่ยวข้อง
ปัจจุบันระบบตรวจจับโดรนมีการบูรณาการ AI และ Machine Learning เพื่อจดจำรูปแบบเสียง ใบพัด หรือสัญญาณต่าง ๆ ของโดรนได้อย่างแม่นยำมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการเชื่อมต่อระบบกับศูนย์ควบคุมกลาง เพื่อบริหารจัดการการแจ้งเตือนแบบ Real-time ในหลายจุดพร้อมกัน

เครื่องรบกวนโดรน (Drone Jammer) คืออะไร?
“เครื่องรบกวนโดรน” หรือ Drone Jammer คืออุปกรณ์ที่ใช้ส่งสัญญาณรบกวนความถี่ที่โดรนใช้งาน เช่น 2.4GHz, 5.8GHz, GPS โดยเป้าหมายคือ
ขัดขวางการควบคุม: ตัดการติดต่อระหว่างผู้ควบคุมกับโดรน
หยุดการส่งข้อมูล: ทำให้โดรนหยุดส่งภาพถ่ายสดหรือข้อมูลสำคัญ
บังคับโดรนลงจอดหรือกลับจุดเริ่มต้น: เพิ่มความปลอดภัยให้แก่สนามบิน ฐานทหาร หรือโครงสร้างพื้นฐาน
เทคโนโลยี Drone Jammer มีทั้งรูปแบบพกพาสำหรับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และแบบติดตั้งถาวรในสถานที่สำคัญ

การผสานระบบ: ป้องกันภัยโดรนแบบครบวงจร
จุดเด่นของการผสาน “ระบบตรวจจับโดรน” กับ “เครื่องรบกวนโดรน”
แจ้งเตือนรวดเร็ว: ทุกการบุกรุกจะถูกตรวจพบแล้วส่งสัญญาณแจ้งเตือนในทันที
ตอบโต้โดยอัตโนมัติ: เครื่องรบกวนโดรนพร้อมทำงานทันทีที่มี “ตรวจจับโดรน” ได้แบบเรียลไทม์
บันทึกและวิเคราะห์เหตุการณ์: เก็บหลักฐานเพื่อตรวจสอบย้อนหลัง,โอกาสในการป้องกันภัยในอนาคต
เหมาะกับพื้นที่เฉพาะทาง: สนามบิน โครงสร้างพื้นฐานสำคัญ พรมแดน หรือพื้นที่หวงห้าม
เมื่อผสานระบบทั้งสองแบบเข้าด้วยกัน ผู้ปฏิบัติงานสามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดเวลาในการตอบสนองและเพิ่มความแม่นยำในการคัดแยก “โดรนทั่วไป” กับ “โดรนที่เป็นภัย”
ตัวอย่างการใช้งานจริง
สนามบิน: ป้องกันเหตุโดรนรบกวนเส้นทางบิน ลดความเสี่ยงต่อเครื่องบินโดยสาร
ฐานทัพหรือพื้นที่ราชการสำคัญ: รักษาความลับและป้องกันภัยก่อการร้าย
โครงสร้างพื้นฐาน: โรงไฟฟ้า เขื่อน ศูนย์ข้อมูล
กิจกรรมพิเศษ: การประชุมระดับสูง การแข่งขันกีฬา สถานที่จัดงานสำคัญ
นอกจากนี้ บางองค์กรยังติดตั้งระบบเหล่านี้เพื่อป้องกันการถ่ายภาพจากมุมสูงในโรงงานอุตสาหกรรม หรือกันข้อมูลธุรกิจรั่วไหล
สรุป: “กำแพงแนวใหม่” เพื่ออนาคตที่มั่นคง
การผสาน “ระบบตรวจจับโดรน” เข้ากับ “เครื่องรบกวนโดรน” คือการสร้าง “กำแพงแนวใหม่” ที่ป้องกันภัยทางอากาศยุคดิจิทัลได้อย่างมั่นใจ กำจัดความเสี่ยงตั้งแต่แรกเริ่ม ลดผลกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชน โครงสร้างพื้นฐาน และความมั่นคงของประเทศ
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : https://dronexr.org/drone-threats-military-drones-drone-detection/
ติดตามข่าวสารความขัดแย้ง ไทย – กัมพูชาและเทคโนโลยีโดรนต่าง ๆ ได้ที่ https://drone.or.th/drone-border-tension/
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ : LINE @droneth