Drone Association Thailand

ผู้เชี่ยวชาญโดรนวิเคราะห์โดรนปริศนาใกล้ชายแดนไทย-กัมพูชา กระทบความมั่นคง

ผู้เชี่ยวชาญโดรนวิเคราะห์กรณี “โดรนปริศนา” บินเหนือชายแดนไทย-กัมพูชา: ประเด็นร้อนด้านความมั่นคงที่ไม่อาจมองข้าม

สถานการณ์ความมั่นคงตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา กลายเป็นประเด็นร้อนที่คนทั้งประเทศจับตามอง หลังเกิดเหตุการณ์โดรนปริศนาบินเข้าใกล้เขตฐานทัพและชุมชนบริเวณจังหวัดอุบลราชธานีและศรีสะเกษในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2568 ซึ่งสร้างความกังวลให้กับหน่วยงานความมั่นคงและชาวบ้านในพื้นที่อย่างมาก

หนึ่งในเสียงสะท้อนที่สำคัญที่สุดในเหตุการณ์นี้มาจากผู้เชี่ยวชาญโดรนซึ่งได้รับการเชิญจากสื่อเพื่อร่วมวิเคราะห์ภาพจากกล้องวงจรปิด และวัตถุปริศนาที่หลายฝ่ายเชื่อว่าอาจเป็นโดรนของต่างประเทศ โดยผู้เชี่ยวชาญโดรนรายนี้คือ นายจรรยวรรธน์ ชาติอนุลักษณ์ นายกสมาคมอากาศยานไร้คนขับแห่งประเทศไทย ผู้ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับลักษณะและพฤติกรรมของโดรนในระดับมืออาชีพ

โดรนปริศนา กับความเสี่ยงต่อความมั่นคง

เหตุการณ์เริ่มต้นขึ้นเมื่อมีรายงานจากชาวบ้านบริเวณช่องอานม้า จังหวัดอุบลราชธานี ว่าพบแสงไฟประหลาดในเวลากลางคืน ซึ่งลอยอยู่เหนือทุ่งนาในระดับต่ำ บางครั้งมีมากถึง 3 ลำ และมีลักษณะบินวนเวียนในพื้นที่ ก่อนจะเร่งความสูงและหายไปเมื่อมีการยิงตอบโต้จากเจ้าหน้าที่และชาวบ้าน

หลังการสอบสวนเบื้องต้นและเผยแพร่ภาพจากกล้องวงจรปิด สื่อได้ติดต่อผู้เชี่ยวชาญโดรนเพื่อให้วิเคราะห์ความเป็นไปได้ของวัตถุปริศนา ซึ่ง ผู้เชี่ยวชาญโดรน นายจรรยวรรธน์ ชาติอนุลักษณ์ ได้ระบุว่าภาพแสงไฟในคลิปที่ได้จากกล้องวงจรปิดนั้น “มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นโดรน” โดยพิจารณาจากลักษณะการลอยนิ่ง ความสามารถในการเปิด-ปิดไฟ และระดับความสูงที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับการบินปกติของอากาศยานทั่วไป

ประเด็นด้านเทคนิค: โดรนหรือแสงสะท้อน?

ในการวิเคราะห์เชิงเทคนิค ผู้เชี่ยวชาญโดรนได้ชี้ให้เห็นว่าตำแหน่งของแสงในภาพไม่ได้อยู่ในระดับสูงเหมือนวัตถุบนท้องฟ้าทั่วไป และลักษณะการกระพริบของไฟนั้นคล้ายคลึงกับพฤติกรรมของโดรนที่มีไฟนำทางซึ่งสามารถควบคุมการเปิด-ปิดได้ นอกจากนี้ ลักษณะการเคลื่อนไหวของแสงในคลิปยังสอดคล้องกับระยะการบินของโดรนที่อยู่ในระดับความสูงประมาณ 80-100 เมตร

ถึงแม้จะมีการตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นแสงจากต้นไม้ที่ไหวติง หรือแสงสะท้อนจากวัตถุอื่นๆ แต่ด้วยลักษณะเฉพาะของแสงที่คงที่และมีการเคลื่อนไหวแบบควบคุมได้ จึงนำไปสู่ข้อสรุปเบื้องต้นจากผู้เชี่ยวชาญว่า ความเป็นไปได้ที่สิ่งนี้คือโดรนมีสูงมาก

ความเคลื่อนไหวของกองทัพและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

เมื่อประเด็นโดรนปริศนาเริ่มขยายตัว หน่วยงานความมั่นคง รวมถึงกองทัพอากาศ และสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ได้ออกคำสั่งห้ามบินโดรนในพื้นที่เสี่ยง 17 จังหวัดทั่วประเทศ ครอบคลุมตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม ถึง 15 สิงหาคม 2568 โดยมีการระบุบทลงโทษชัดเจนหากฝ่าฝืน

ในขณะเดียวกัน กองทัพอากาศได้มีการติดตั้งระบบ “แอนตี้โดรน” เพื่อสอดส่องและตรวจจับอากาศยานไร้คนขับที่อาจเข้ามาในเขตฐานทัพ และเน้นย้ำให้ประชาชนแจ้งเจ้าหน้าที่ทันทีหากพบวัตถุต้องสงสัยในลักษณะดังกล่าว

บทวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญโดรน

ในฐานะผู้นำของสมาคมอากาศยานไร้คนขับ นายจรรยวรรธน์ ชาติอนุลักษณ์ ได้ให้ความเห็นว่า “สถานการณ์นี้ไม่สามารถละเลยได้ และจำเป็นต้องวิเคราะห์ภาพจากหลายมุม ทั้งภาพกลางวันและกลางคืน เพื่อตรวจสอบว่าจุดที่พบแสงไฟนั้นเป็นบริเวณเปิดโล่ง หรือมีสิ่งกีดขวางที่อาจส่งผลต่อการแสดงผลของภาพหรือไม่”

เขายังเน้นว่า การวิเคราะห์ภาพอย่างละเอียด และการตรวจสอบมุมกล้อง การกระพริบของแสง และระดับความสูง จะเป็นกุญแจสำคัญในการยืนยันว่า วัตถุดังกล่าวคือ “โดรน” หรือไม่ และถ้าเป็นจริง การใช้งานโดรนในลักษณะนี้ถือเป็นการละเมิดกฎหมายและเป็นภัยต่อความมั่นคงอย่างชัดเจน

สรุป: ทำไมการวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญโดรนจึงสำคัญ?

เหตุการณ์นี้ตอกย้ำให้เห็นว่า การมีผู้เชี่ยวชาญโดรนในระดับประเทศอย่างนายจรรยวรรธน์ ชาติอนุลักษณ์ เข้ามาช่วยวิเคราะห์และให้ความรู้เกี่ยวกับลักษณะการบิน การทำงาน และความเสี่ยงของโดรน มีความสำคัญอย่างยิ่งในบริบทของความมั่นคง

ไม่เพียงแต่ในระดับเชิงเทคนิคเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการกำหนดมาตรการรับมือ การออกข้อกำหนดของรัฐ และการเสริมสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนในการรับมือกับภัยคุกคามจากเทคโนโลยีที่อาจถูกนำมาใช้ในทางที่ผิด

เนื้อหาเต็มของการสัมภาษณ์ โดยสามารถรับชมได้ที่



ติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวความขัดเเย้งไทย-กัมพูชาได้ที่ : https://drone.or.th/drone-border-tension/
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ : LINE @droneth

thThai
Scroll to Top