ภาพนิ่งจากวิดีโอที่บันทึกโดยโดรน ซึ่งหน่วยงานความมั่นคงของยูเครนระบุว่าเป็นภาพจากการโจมตีฐานทัพอากาศของรัสเซีย ซึ่งสร้างความเสียหายต่ออากาศยานของรัสเซีย
- ยูเครนระบุว่า โดรนที่ใช้ในการโจมตีครั้งใหญ่ต่อรัสเซียได้ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในกรณีที่สูญเสียสัญญาณควบคุม
- โดรนเหล่านี้ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการเคลื่อนที่ตามเส้นทางที่วางแผนไว้ล่วงหน้า และหัวรบของพวกมันถูกเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติ
- ยูเครนระบุว่า อากาศยานของรัสเซียจำนวน 41 ลำถูกโจมตี และหลายลำได้รับความเสียหายจน “ไม่สามารถกู้คืนได้อีก”
หน่วยงานความมั่นคงของยูเครนเปิดเผยว่า โดรนโจมตีที่ยูเครนใช้ในการถล่มอากาศยานของรัสเซียในหลายฐานทัพ ได้หันมาใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการค้นหาและโจมตีเป้าหมายเมื่อสูญเสียสัญญาณควบคุม
หน่วยงานความมั่นคงแห่งยูเครน (SBU) เปิดเผยในการอัปเดตเมื่อวันพุธเกี่ยวกับปฏิบัติการ “Operation Spiderweb” ว่า โดรนบางลำเมื่อสูญเสียสัญญาณ ได้ “เปลี่ยนไปปฏิบัติภารกิจโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ตามเส้นทางที่วางแผนไว้ล่วงหน้า”
“และหลังจากเข้าใกล้และตรวจพบเป้าหมายที่กำหนดไว้โดยเฉพาะ หัวรบก็จะถูกเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติ” หน่วยงานระบุ
หน่วยงานความมั่นคงของยูเครนระบุว่า กำลังใช้ “เทคโนโลยีการควบคุมอากาศยานไร้คนขับ (UAV) สมัยใหม่” ซึ่งผสานการทำงานระหว่าง “อัลกอริธึมปัญญาประดิษฐ์และการควบคุมจากผู้ปฏิบัติงานโดยตรง”
SBU ยังกล่าวว่าในการโจมตีเมื่อวันอาทิตย์ โดรนสามารถลอบเข้าไปยังพื้นที่ใกล้ฐานทัพอากาศของรัสเซีย และจากนั้นจึงเปิดการโจมตีเป็นกลุ่มขนาดใหญ่ โดยสามารถโจมตีอากาศยานของรัสเซียได้ถึง 41 ลำ
เมื่อวันพุธ หน่วยงานระบุเพิ่มเติมว่า “อากาศยานรัสเซียจำนวนมากได้รับความเสียหายจนไม่สามารถกู้คืนได้อีก” และ “อากาศยานบางลำที่ได้รับความเสียหายอาจต้องใช้เวลาหลายปีในการซ่อมแซม”
ภาพถ่ายดาวเทียมแสดงให้เห็นอากาศยานทางทหารหลายลำ บางลำอยู่ในสภาพถูกทำลาย ที่ฐานทัพอากาศเบลายา ใกล้เมืองสเตปนอย แคว้นอีร์คุตสค์ ประเทศรัสเซีย หลังจากการโจมตีของยูเครน
วิดีโอและภาพถ่ายดาวเทียมแสดงให้เห็นว่ามีการโจมตีเกิดขึ้นในหลายฐานทัพ และมีอากาศยานบางลำได้รับความเสียหาย อย่างไรก็ตาม ขอบเขตความเสียหายทั้งหมดตามที่ยูเครนรายงานยังไม่ได้รับการยืนยันโดยอิสระ
ทั้งรัสเซียและยูเครนต่างก็พึ่งพาโดรนมากขึ้นเรื่อย ๆ ท่ามกลางสงครามที่ยังคงดำเนินต่อไปจากการรุกรานของรัสเซีย การแพร่ขยายของโดรนได้นำไปสู่การแข่งขันในการพัฒนาเทคโนโลยีสงครามอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อตรึงการทำงานของโดรนและขัดขวางไม่ให้ระบบต่าง ๆ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผู้ผลิตและผู้ควบคุมโดรนจึงพยายามพัฒนาแนวทางใหม่ ๆ ในการใช้งานระบบไร้คนบังคับเหล่านี้ เช่น การออกแบบโดรนที่ใช้สายใยแก้วนำแสงเพื่อป้องกันการถูกรบกวนสัญญาณ การทำงานโดยไม่พึ่งพา GPS และการใช้โดรนที่มีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อให้สามารถทำงานได้โดยไม่ต้องพึ่งพาการควบคุมจากมนุษย์มากนัก
นักวิจัยด้านสงครามของยูเครนรายงานเมื่อต้นปีนี้ว่า โดรนที่ติดตั้งระบบ AI มีโอกาสโจมตีเป้าหมายได้แม่นยำกว่ารุ่นที่ควบคุมโดยมนุษย์เพียงอย่างเดียวถึง 3–4 เท่า
ปัญญาประดิษฐ์เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ทั้งสองประเทศต่างเร่งพัฒนาและนำมาใช้มากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตาม รายงานฉบับใหม่ของสถาบันเพื่อการศึกษาสงคราม (Institute for the Study of War) ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ระบุว่ายังไม่มีฝ่ายใดนำโดรน AI ลงสนามรบในวงกว้างอย่างแท้จริง
การใช้ AI ในการโจมตีครั้งนี้ถือว่าน่าสนใจ แต่ก็ยังไม่ใช่ประเด็นเดียวที่โดดเด่นในเหตุการณ์นี้
ยูเครนได้ดำเนินการโจมตีระยะไกลหลายครั้ง ซึ่งสามารถโจมตีฐานทัพอากาศของรัสเซียลึกเข้าไปหลายร้อยไมล์ภายในประเทศและทำลายอากาศยานได้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม การโจมตีครั้งใหม่นี้แตกต่างออกไป เพราะใช้วิธีลักลอบนำโดรนเข้าไปในรัสเซีย และเปิดฉากโจมตีจากตำแหน่งที่อยู่ใกล้ฐานทัพอากาศเป้าหมาย
หน่วยงานความมั่นคงยูเครน (SBU) ระบุว่า ได้นำโดรนเข้าไปในรัสเซียโดยบรรจุใส่ในตู้บรรทุกสินค้า และขนส่งโดยรถบรรทุกไปยังจุดที่อยู่ใกล้ฐานทัพรัสเซีย ก่อนจะปล่อยปฏิบัติการโจมตีจากบริเวณดังกล่าว
ภาพนี้แสดงให้เห็นเครื่องบินทิ้งระเบิดหลายลำที่ได้รับความเสียหาย ณ ฐานทัพอากาศเบลายา
หน่วยความมั่นคงแห่งยูเครน (SBU) ระบุว่า ฝาครอบของตู้บรรทุกถูกเปิดจากระยะไกล ทำให้โดรนสามารถบินออกมาได้ พร้อมเผยแพร่ภาพถ่ายที่แสดงให้เห็นโดรนจำนวนหลายสิบลำอยู่ภายในตู้คอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่ ซึ่งระบุว่าเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการโจมตีครั้งนี้
มาร์ก แคนเซียน (Mark Cancian) ที่ปรึกษาอาวุโสจากศูนย์ยุทธศาสตร์และการศึกษานานาชาติ (Center for Strategic and International Studies) ให้สัมภาษณ์กับ Business Insider ว่า การโจมตีครั้งนี้แตกต่างจากหลายเหตุการณ์ในสงครามนี้ เพราะโดรนถูกปล่อยจากจุดที่อยู่ใกล้มาก เขาคาดว่ารัสเซียน่าจะออกแบบระบบป้องกันฐานทัพอากาศไว้เพื่อรับมือกับการโจมตีประเภทอื่น และการโจมตีครั้งนี้จึงแตกต่างจากสิ่งที่รัสเซียเคยเผชิญมาก่อนหน้านี้
คำบรรยายของยูเครนเกี่ยวกับการโจมตีครั้งนี้เผยให้เห็นปฏิบัติการที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสงครามหลายรายยกย่องว่าเป็นแนวทางบุกเบิก ซึ่งอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อวิธีการโจมตีและป้องกันอากาศยานรวมถึงฐานทัพของประเทศต่าง ๆ ในอนาคต
เจมส์ แพตตัน โรเจอร์ส (James Patton Rogers) ผู้เชี่ยวชาญด้านโดรนและผู้อำนวยการบริหารของสถาบัน Cornell Brooks Tech Policy Institute ให้สัมภาษณ์กับ Business Insider ว่า “การโจมตีครั้งนี้คือหน้าต่างสู่สงครามในอนาคต”
ริชาร์ด อาบูลาเฟีย (Richard Aboulafia) ผู้เชี่ยวชาญด้านการบินและกรรมการผู้จัดการของบริษัทที่ปรึกษา AeroDynamic Advisory ในสหรัฐฯ กล่าวว่า ปฏิบัติการนี้ “น่าทึ่งอย่างยิ่ง” เพราะสามารถดำเนินการได้อย่างซับซ้อน ครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ และเกี่ยวข้องกับบุคคลจำนวนมากอย่างมีประสิทธิภาพ
หน่วยความมั่นคงแห่งยูเครน (SBU) ระบุว่า อากาศยาน 41 ลำที่ถูกโจมตีในครั้งนี้ รวมถึงเครื่องบินตรวจการณ์และควบคุมทางอากาศ A-50, เครื่องบินทิ้งระเบิด Tupolev Tu-95, Tu-22 และ Tu-160, เครื่องบินลำเลียง An-12 รวมถึงเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ Il-78
เครื่องบินทูโปเลฟ Tu-160 ของรัสเซีย ซึ่งเป็นหนึ่งในอากาศยานที่ยูเครนระบุว่าได้โจมตีในการปฏิบัติการครั้งนี้
อากาศยานเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการยิงขีปนาวุธใส่ยูเครนและในการรวบรวมข่าวกรอง และเครื่องบินหลายลำในกลุ่มนี้ไม่สามารถผลิตทดแทนได้ง่าย เนื่องจากรัสเซียได้ยุติสายการผลิตไปนานแล้ว
จัสติน บรองค์ (Justin Bronk) ผู้เชี่ยวชาญด้านอำนาจทางอากาศจากสถาบัน Royal United Services Institute ให้สัมภาษณ์กับ Business Insider ว่า แม้จำนวนเครื่องบินที่ได้รับความเสียหายหรือถูกทำลายจะน้อยกว่าที่ยูเครนอ้างไว้ “แต่ก็จะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ” ต่อความสามารถของรัสเซียในการ “ดำเนินการยิงขีปนาวุธร่อนขนาดใหญ่เป็นประจำต่อเมืองและโครงสร้างพื้นฐานของยูเครน” ขณะเดียวกันก็ต้องรักษาการลาดตระเวนเพื่อการป้องปรามด้านนิวเคลียร์และการส่งสัญญาณเชิงยุทธศาสตร์ควบคู่กันไปด้วย
หน่วยความมั่นคงแห่งยูเครน (SBU) ชี้แจงว่าการโจมตีครั้งนี้เป็นการตอบโต้โดยตรงต่อการโจมตีด้วยขีปนาวุธของรัสเซีย โดยพลโทวาซิล มาลิอุก (Lt. Gen. Vasyl Maliuk) หัวหน้า SBU กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า
“ฝ่ายตรงข้ามทิ้งระเบิดใส่ประเทศของเราเกือบทุกคืนจากเครื่องบินเหล่านี้ และในวันนี้พวกเขาได้สัมผัสถึงผลแห่งการตอบโต้ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้”
เขายังเสริมอีกว่า
“ศัตรูคิดว่าสามารถทิ้งระเบิดใส่ยูเครนและสังหารชาวยูเครนได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดและโดยไม่ต้องรับโทษ — แต่นั่นไม่ใช่เรื่องจริง เราจะตอบโต้การก่อการร้ายของรัสเซีย และทำลายศัตรูทุกแห่ง — ทั้งในทะเล บนอากาศ และบนบก”
SBU ระบุว่าการโจมตีครั้งนี้พุ่งเป้าไปที่ฐานทัพอากาศ 4 แห่ง ได้แก่ “โอลีนยา” (Olenya), “อีวานโนโว” (Ivanovo), “ดยากีเลโว” (Dyagilevo) และ “เบลายา” (Belaya) ซึ่งอยู่ใน 3 เขตเวลา และใช้เวลาวางแผนมากกว่าหนึ่งปีครึ่ง
หน่วยงานยังกล่าวว่า มูลค่าโดยประมาณของยุทโธปกรณ์ที่ได้รับผลกระทบจากปฏิบัติการครั้งนี้สูงกว่า 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
อ้างอิงจาก : https://www.businessinsider.com/operation-spiderweb-ukraine-drones-ai-hit-russia-planes-lost-signal-2025-6
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ : LINE @droneth
Thai 
English 
Chinese 
Japanese 
Korean