
การเปลี่ยนแปลงของ DJI จากบริษัทประกอบเครื่องบินจำลองสู่ผู้ผลิตโดรนระดับโลก
ในปี 2008 โดรนประเภทโรเตอร์เดี่ยวได้รับการเปิดตัวจาก DJI ด้วยราคาประมาณ 30,000 เหรียญสหรัฐฯ แม้ราคาดังกล่าวจะสูงมาก แต่ยังคงมีผู้สนใจซื้อจำนวนมาก ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงใหญ่ในอุตสาหกรรมโดรน บริษัท DJI ที่ก่อตั้งโดย Wang Tao ซึ่งในขณะนั้นเป็นนักศึกษาปริญญาตรีปีที่ 3 ได้พัฒนาโดรนนี้ด้วยความมุ่งมั่นในการสร้างเทคโนโลยีที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกของการบินไร้คนขับได้
จุดเริ่มต้นของ DJI
Wang Tao ในวัย 23 ปี ได้ลาออกจากมหาวิทยาลัยเพื่อศึกษาเรื่องการบินไร้คนขับ โดยลงทะเบียนเรียนที่มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีฮ่องกง ภายใต้การดูแลของศาสตราจารย์ Lee Zang ผู้เชี่ยวชาญด้านหุ่นยนต์ ซึ่งช่วยเหลือในการพัฒนาระบบควบคุมการบินของยานพาหนะทางอากาศไร้คนขับ และในปี 2006 เขาก่อตั้ง DJI ด้วยเป้าหมายที่จะขายเครื่องบินจำลองและส่วนประกอบของมัน อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกบริษัท DJI ได้ประสบกับความยากลำบากในด้านการเงินและการพัฒนา
ความสำเร็จของโดรนโรเตอร์เดี่ยวในปี 2008
ถึงแม้ว่า DJI จะต้องเผชิญกับปัญหาหลายประการในช่วงแรก แต่ในปี 2008 Wang Tao ก็ได้พัฒนาโดรนโรเตอร์เดี่ยวมูลค่า 30,000 ดอลลาร์ ซึ่งได้รับการตอบรับจากตลาดอย่างมาก แม้ราคาแพง แต่โดรนนี้มีคุณสมบัติที่โดดเด่น เช่น ความสามารถในการบรรทุกของได้ถึง 5 กิโลกรัม, ระบบกันสั่นแบบ Gimbal เพื่อความเสถียรของกล้อง, และความสามารถในการส่งวิดีโอแบบไร้สายไปยังผู้ควบคุมระยะไกล นอกจากนี้ ระบบการบินอัตโนมัติที่พัฒนาโดย DJI ยังช่วยให้โดรนสามารถบินได้โดยไม่ต้องมีนักบินควบคุมตลอดเวลา
การเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมโดรน


ในปี 2008 หลังจากเกิดแผ่นดินไหวที่เสฉวน DJI ใช้โดรนของตนในการถ่ายภาพพื้นที่ที่ถูกทำลาย เพียง 3 วันหลังจากภัยพิบัติ โดยสามารถเก็บภาพได้มากกว่า 1,000 ภาพ ซึ่งช่วยในการประเมินความเสียหายและการฟื้นฟูพื้นที่ และในปีเดียวกัน DJI ยังได้เข้าร่วมในนิทรรศการโดรนของจีน ซึ่งทำให้บริษัทได้รับความสนใจจากองค์กรต่าง ๆ รวมถึงสถาบันวิจัยและมหาวิทยาลัยการบิน
การเลือกเส้นทางใหม่ของ DJI
แม้ว่าในช่วงแรก DJI จะเน้นไปที่การพัฒนาโดรนโรเตอร์เดี่ยว แต่ในระยะต่อมาพวกเขาก็หันมามุ่งเน้นไปที่การพัฒนาโดรนมัลติโรเตอร์ โดยเฉพาะควอดคอปเตอร์ (โดรนที่มี 4 ใบพัด) เนื่องจากควอดคอปเตอร์ใช้งานง่ายกว่าและราคาถูกกว่า ในปี 2010 DJI เปิดตัวระบบควบคุมการบินรุ่นที่สี่ ซึ่งมีความเสถียรสูงและสามารถใช้ได้กับโดรนที่มีขนาดและพลังงานต่าง ๆ
การพัฒนาเทคโนโลยีและโอกาสใหม่
ในปี 2011 DJI ได้พบกับ Colin Gin นักแสดงเรียลลิตี้ทีวีและเจ้าของบริษัทถ่ายภาพทางอากาศ ซึ่งกำลังมองหาวิธีการทำให้วิดีโอที่ถ่ายด้วยโดรนมีความเสถียรสูงขึ้น การพบกันครั้งนี้ได้เปิดโอกาสใหม่สำหรับ DJI ในการพัฒนาอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการถ่ายภาพทางอากาศในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ โดยเฉพาะการใช้โดรนแทนการใช้เฮลิคอปเตอร์ ซึ่งช่วยลดต้นทุนในการถ่ายทำได้อย่างมาก
การเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมโดรน


การพัฒนาโดรนในตลาดผู้บริโภคเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โดยบริษัทต่าง ๆ ได้พัฒนาโดรนที่สามารถใช้งานได้ง่ายและมีราคาที่เข้าถึงได้มากขึ้น รวมถึงการพัฒนามอเตอร์ไฟฟ้าแบบไม่มีแปรงถ่านที่ช่วยให้โดรนมีประสิทธิภาพสูงและมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น
การพัฒนาเทคโนโลยีเหล่านี้ทำให้ DJI สามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมโดรนและขยายตลาดไปทั่วโลกได้สำเร็จ จากการมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีและปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงในตลาด DJI จึงสามารถสร้างผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทั้งในด้านการถ่ายภาพทางอากาศและการใช้งานในอุตสาหกรรมต่าง ๆ
สรุป
เรื่องราวของ DJI เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนในการแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงจากการเริ่มต้นที่ยากลำบากไปสู่การเป็นผู้นำในตลาดโดรนระดับโลก โดยการมุ่งเน้นที่นวัตกรรมและการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ DJI กลายเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีอิทธิพลมากที่สุดในอุตสาหกรรมโดรนในปัจจุบัน